Gaming Inside

KONAMI จากยักษ์ใหญ่ที่หลับไหล สู่การกลับมาผงาดอีกครั้ง ด้วยกลยุทธ์ใหม่ ๆ

ย้อนกลับไปในอดีตที่วงการเกมเฟื่องฟู มีชื่อหนึ่งที่ถูกจารึกไว้ในฐานะผู้สร้างตำนานเกมระดับโลกอย่าง ‘Konami’ ในวัยเด็กของผม หลายครั้งที่พบเจอกับโลโก้ Konami ก่ออนเข้าเกม จากแฟรนไชส์ที่เปรียบเสมือนทรัพย์สมบัติของวงการอย่าง Silent Hill, Metal Gear Solid และ Castlevania เป็นต้น แต่แล้วในช่วงปี 2015 ช่วงเวลาใกล้ ๆ กับที่โคจิมะเดินออกมา ยักษ์ใหญ่แห่งนี้ก็ตัดสินใจเบนเข็มสู่ธุรกิจที่ทำกำไรได้เร็วกว่าอย่างตู้ปาจิงโกะ ทิ้งให้แฟนเกมทั่วโลกต้องเผชิญกับความผิดหวังและ ‘ความเงียบงัน’ ไปหลายปี

แต่ไม่น่าเชื่อว่าไม่นานมานี้ สัญญาณของการกลับมาของ Konami ก็เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

Konami ทำกำไรจากธุรกิจเกม สูงสุดเป็นประวัติการณ์ - BT beartai

ยุคแห่งความรุ่งโรจน์ และ ความฟุ่มเฟือย

เพื่อทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน เราต้องย้อนกลับไปดูในช่วงที่ Konami เคยรุ่งโรจน์ถึงขีดสุด ช่วงปี 1980 ไปจนถึงช่วงปี 2000 เป็นยุคทองของ Konami อย่างแท้จริง พวกเขาสร้างสรรค์เกมที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความบันเทิง แต่เป็นผลงานศิลปะที่เต็มไปด้วยรายละเอียดและวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ ฮิเดโอะ โคจิมะ เป็นผู้กำกับโปรเจกต์ต่าง ๆ เขาได้นำพา Konami ก้าวเข้าสู่การสร้างเกมแบบ in-house คือการใช้บุคลากรภายในบริษัททำงานล้วน ๆ มีต้นทุนสูงลิ่วแต่ก็สร้างความสำเร็จในระดับโลกได้เช่นกัน

โปรเจกต์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความ ‘ฟุ่มเฟือย’ ในการทุ่มเททุนสร้างเพื่อความสมบูรณ์แบบสูงสุดที่พวกเขาเคยทำในอดีต ซึ่งแม้จะประสบความสำเร็จในเชิงคุณภาพ แต่สไตล์การทำงานแบบนี้ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายที่สูงเกินกว่าจะยั่งยืนได้ในระยะยาว

ความเงียบงันและการเปลี่ยนทิศทาง

หลังจากปี 2015 Konami เริ่มถอยห่างจากตลาดเกม AAA อย่างชัดเจน พวกเขาหันไปให้ความสำคัญกับธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าและทำกำไรได้เร็วกว่าอย่างตู้ปาจิงโกะ โดยนำตัวละครและธีมจากเกมดังของตัวเองมาใช้ ซึ่งนั่นทำให้แฟน ๆ เกมทั่วโลกมองว่า Konami กำลัง ‘ทอดทิ้ง’ มรดกของตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง บริษัทที่เคยรังสรรค์นวัตกรรมแห่งโลกวิดีโอเกม กลับถูกลดทอนฐานะเหลือเพียงผู้ผลิตเครื่องเล่นเพื่อการเสี่ยงโชค และนั่นดูเป็นช่วงเวลาที่แฟน ๆ ‘เริ่มหมดศรัทธา’ กับคำว่า ‘Konami’ จริง ๆ (ผมเองก็ด้วย)

สัญญาณแห่งการกลับมาและกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด
เมื่อกระแสความต้องการจากแฟนๆ ทั่วโลกเริ่มส่งเสียงดังขึ้น Konami ก็เริ่มเห็นโอกาสในการกลับมาสู่สมรภูมิเกมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้กลับมาด้วยกลยุทธ์แบบเดิมๆ ที่เคยทำในอดีต แต่เป็นการกลับมาอย่าง ‘ชาญฉลาด’ ด้วยแนวคิดที่ว่า ‘จงใช้ความเชี่ยวชาญของคนอื่น’ แทนที่จะทุ่มเงินมหาศาลเพื่อสร้างทีมภายใน พวกเขาหันมาใช้การทำงานแบบ Outsource ร่วมกับสตูดิโอที่มีความถนัดเฉพาะทาง

การนำร่องด้วย Silent Hill 2 Remake ทาง Konami เลือกที่จะร่วมมือกับ Bloober Team ซึ่งเป็นสตูดิโอที่มีชื่อเสียงด้านการสร้างเกมสยองขวัญอยู่แล้ว การร่วมมือในครั้งนี้ทำให้ Konami ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพสูงจากทีมงานที่มีประสบการณ์และเข้าใจในเกมแนวนี้อย่างแท้จริง

Silent Hill f' Sets Franchise in Japan, Out in September

เกมที่เราเพิ่งจะได้เห็นตัวอย่างเกมไปอย่าง Silent Hill f ก็ไม่ต่างกัน ซึ่งผมบอกตรง ๆ ว่าเซอร์ไพรส์ที่ได้เห็นสตูดิโอ NeoBards Entertainment ที่เคยมีผลงานกับทาง Capcom มาบ้าง แต่หลังจากได้เห็นตัวอย่างเกม Silent Hill f แล้ว พูดได้เลยว่าพวกเขาสามารถทำงานและเข้าใจในรายละเอียดของวัฒนธรรมญี่ปุ่นได้ดี

แทนที่เราจะสร้างทีมขึ้นมาใหม่ ในสถานการณ์ที่บริษัทเองก็ไม่ได้จับงานโปรดักชันเกมมาหลายปี ใช้วิธีจับมือกับสตูโอที่มีศักยภาพ และเข้ากับเกมนั้น ๆ แทน เหมือนที่บริษัทผู้จัดจำหน่ายทั้วไปทำกันเป็นปกติ ถึงแม้ว่า Metal Gear Solid: Delta อาจจะเป็นการใช้ทีมภายใน แต่ผมก็ตั้งตารอว่าพวกเขาจะทำได้ดีแค่ไหน

administrator
Art Director, UX/UI Designer, Voice Actor