เราเคยชินกับการมองเกมจีบหนุ่มว่าเป็นเกมคลิกเลือกบทสนทนา เกมแต่งตัวเป็นเกมชิลแต่งลุคเฉย ๆ หรือเกมแข่งม้าเป็นเกมสายพนันที่แค่ดูตัวเลขแข่งกัน แต่ช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมา มีเกมสามเกมที่ทำลายกำแพงภาพจำทั้งหมดนี้ทิ้ง แล้วแทนที่ด้วยแนวทางใหม่ ที่ ‘จริงจัง’ และ ‘น่าหลงใหล’ จนไปไกลถึงระดับความสำเร็จระดับโลก
นี่คือ Love and Deepspace, Infinity Nikki และ Uma Musume สามเกมที่พิสูจน์ว่า ถ้า ‘ตีความใหม่’ อย่างถูกจังหวะ แม้แต่แนวเกมที่เคยเฉพาะทาง ก็สามารถเปลี่ยนมาเป็นกระแสหลักได้เต็มตัว
Love and Deepspace จีบหนุ่มในจักรวาลไซไฟที่คุณคือฮันเตอร์ ไม่ใช่แค่สาวน้อยรอรัก
นี่คือ Love and Deepspace, Infinity Nikki และ Uma Musume สามเกมที่พิสูจน์ว่า ถ้า ‘ตีความใหม่’ อย่างถูกจังหวะ แม้แต่แนวเกมที่เคยเฉพาะทาง ก็สามารถเปลี่ยนมาเป็นกระแสหลักได้เต็มตัว
ในเกมนี้ เรารับบทเป็น Deepspace Hunter ที่ต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตนอกโลก แต่จุดที่ทำให้คนเล่นติดหนึบไม่ใช่แค่ระบบต่อสู้หรือฉากอลังการ เพราะหัวใจของเกมคือ ความรักที่จริงจัง และ เนื้อเรื่องดราม่าเข้มข้น ที่พาอารมณ์ขึ้นลงแบบไม่ให้พัก
ฉากโรแมนติกในเกมนี้ไม่ได้มีไว้แค่เติมบรรยากาศ แต่เขียนมาแบบ อ่านแล้วเขินตัวบิด และบ่อยครั้งก็ปวดตับสุด ๆ ทั้งหมดถูกถ่ายทอดผ่านเสียงพากย์ระดับมืออาชีพที่มีให้เลือกทั้งญี่ปุ่น จีน เกาหลี และอังกฤษ ซึ่งช่วยขับอารมณ์แต่ละฉากให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
Infinity Nikki เกมแต่งตัวที่แฟชั่นคืออาวุธ และทุกแผ่นดินคือรันเวย์ (พูดแบบจีบปากจีบคอ)
ถ้าคุณคิดว่าเกมแต่งตัวคือแค่เปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อความสวย Infinity Nikki จะทำให้คุณเปลี่ยนความคิด
ในโลกโอเพ่นเวิลด์แห่งนี้ การเปลี่ยนชุดหมายถึงการปลดล็อกความสามารถ เช่น ลอยตัว จับแมลง ย่อร่าง ฯลฯ ระบบต่อสู้ไม่ใช้ความรุนแรง แต่ใช้ ‘แฟชั่น’ ตัดสินกันแบบ Stylist Battle
ยิ่งแต่งตัวดี ยิ่งได้คะแนนสูง และยิ่งคุณถ่ายรูปดี ใช้มุม ใช้ฟิลเตอร์ ใช้แสงอย่างสร้างสรรค์ คุณยิ่งรู้สึกว่า ‘แฟชั่นก็เป็นเกมเพลย์ได้’
เปิดตัวเดือนเดียว Infinity Nikki ทำรายได้เกือบ 600 ล้านบาท เฉพาะบนมือถือ คือหลักฐานชัดเจนว่า ‘แฟชั่น’ ไม่ได้อยู่แค่ในร้านขายไอเท็มอีกต่อไป
Uma Musume ม้าแข่งชื่อดังกลับชาติมาเกิดเป็นสาวไอดอลผู้วิ่งสู่ชัยชนะ
นี่อาจเป็นคอนเซปต์ที่ฟังดูแปลกที่สุด แต่ก็ประสบความสำเร็จที่สุด
Uma Musume เปลี่ยนม้าแข่งตัวจริงในประวัติศาสตร์ ให้กลายเป็นสาวไอดอลวัยใส
แต่เกมไม่ได้ขายแค่ความโมเอะ เพราะมันเต็มไปด้วยระบบซิมูเลชันการฝึกซ้อม การจัดการตาราง ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร และกลยุทธ์ในการแข่ง การแข่งม้ากลายเป็น ‘การไต่ระดับในชีวิต’ ของสาวน้อยคนหนึ่ง และผู้เล่นคือคนที่ช่วยให้เธอไปถึงเส้นชัย
เกมนี้เป็นทั้งเกม เป็นทั้งคอนเทนต์ เป็นทั้งอนิเมะ และมีฐานแฟนเหนียวแน่นระดับเดียวกับซีรีส์ใหญ่ ๆ พิสูจน์ให้เห็นว่า ต่อให้คอนเซปต์จะ ‘เฉพาะทาง’ แค่ไหน ถ้าตีความใหม่ได้ถูก ก็สามารถไปได้ไกลกว่าที่คิด (เพราะภาพที่ผมเห็นคือหนุ่มหน้าหนวดนั่งเล่นเกมนี้ทั้งวัน)
ไม่ใช่เพราะเกมเหล่านี้มีคอนเซปต์แปลก…แต่เพราะพวกเขา ‘จริงจังกับสิ่งที่แปลก’
สิ่งที่ทั้งสามเกมมีเหมือนกันคือ “ความเคารพ” ต่อแนวคิดต้นทาง ไม่มีใครพยายามหลบคำว่าเกมจีบหนุ่ม เกมแต่งตัว หรือเกมแข่งม้า พวกเขาแค่ไม่ยอมให้คำเหล่านั้นมาจำกัดวิธีเล่าเรื่อง วิธีเล่น หรือความเป็นไปได้ของเกม
สุดท้ายมันเลยกลายเป็นคำตอบใหม่ของตลาด ในวันที่เกมไม่ได้แบ่งแค่ชายหญิง แต่แบ่งระหว่าง ‘เกมที่ตีกรอบตัวเอง’ กับ ‘เกมที่กล้าเดินข้ามกรอบนั้นออกมา’
Source: PocketGamer.biz App2Top.com VirtualPetList.com PocketGamer.biz