ย้อนตำนานเกมมุโซสุดมันส์ กับแฟรนไชส์ชื่อดัง ‘Dynasty Warriors’ ที่สร้างปรากฏการณ์ในยุค PlayStation 2 และเดินหน้าสานต่อความยิ่งใหญ่มาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
จุดเริ่มต้นของตำนาน
ตำนานอันเลื่องชื่อของ เกมแนว ‘มุโซ’ ที่เริ่มต้นมาจากซีรีส์ชื่อว่า ‘Dynasty Warriors’ (Shin Sangokumusō) พัฒนาโดยทีม Omega Force และจัดจำหน่ายโดย Koei Tecmo โดยตัวเกมเป็นภาคแยก Spin-off มาจากเกมแนววางแผน ชื่อ ‘Romance of the Three Kingdoms’ ซึ่งเนื้อหามีการอิงมาจากวรรณกรรมของจีนเรื่อง ‘สามก๊ก’ โดยในเกมแรกของซีรีส์มุโซนี้ ใช้ชื่อว่า ‘Dynasty Warriors’ ในเวอร์ชันภาษาอังกฤษ ในฝั่งญี่ปุ่นใช้ชื่อว่า ‘Sangokumusō’ โดยในภาคต่อ ๆ มามีการเพิ่มคำว่า Shin ไว้ข้างหน้า เพื่อแยกความแตกต่างจากเกมภาคแรก เพราะว่าเกมภาคแรกของซีรีส์นี้ เป็นแนว Fighting แบบ One-on-One จะคล้าย ๆ กับเกม Virtua Fighter หรือ Soul Blade ซึ่งแตกต่างกับภาคต่อมา ที่มีกลิ่นความเป็น ‘มุโซ’ ในมุมมองบุคคลที่สาม สไตล์ Hack and Slash สู้กับศัตรูจำนวนมาก ๆ แน่นอนว่าภาคแรกที่เป็นแกะดำนั้น ทาง Koei Tecmo ไม่นับรวมอยู่ในซีรีส์หลัก Dynasty Warriors เนื่องจากการเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี ในปี 2020 ซึ่งนับเวลาจากการเปิดตัวของเกม ‘Dynasty Warriors 2’ ภาคที่ 2 ในปี 2000 หากวัดความสำเร็จจากยอดขายแล้ว Dynasty Warriors 6 นั้นถือว่ามียอดขายรวมทั่วโลกมากกว่า 21 ล้านชุดทั่วโลก โดยในภาคนี้เปิดตัวในปี 2008 (เปิดตัวที่ญี่ปุ่นในปี 2007)
นิยามของ ‘มุโซ’
ในประวัติศาสตร์ของเกม เราจะพบกับแนวเกมมากมาย หลากหลาย ที่ตอบโจทย์ และตอบสนองทุกรสนิยมของผู้เล่น กำเนิดการให้คำนิยามแนวเกมใหม่ ๆ ยกตัวอย่างเช่น Souls-like หรือ Metroidvania เป็นต้น แนวเกม ‘มุโซ’ (Musou) ถือว่าเป็นแนวเกมที่พิเศษ และแตกต่างตรงทุกเกมในแนวนี้ มักจะถูกพัฒนาโดยทีม Omega Force เท่านั้น เป็นแนวเกมที่ถูกนิยามด้วยการต่อสู้ที่อลังการ มหึมา โดยมีศัตรูจำนวนมากในฉาก (ส่วนใหญ่ ภาพที่เราเห็นมักจะเป็นพื้นที่ในสงคราม) และตัวเอกมีจะมีสกิล ความสามารถที่ทำลายศัตรูหลาย ๆ ตัวพร้อมกันได้ สร้างความสะใจให้ผู้เล่น มีระบบฝ่ายภายในตัวเกม มีรูปแบบการเล่นที่ค่อนข้างตายตัว แต่ก็สนุก และที่สำคัญเล่นเพลิน เข้าถึงง่าย ผู้เล่นจะเริ่มต้นจากจุดหนึ่งในแผนที่ และต้องยึดฐานทัพศัตรูอีกฝั่งหนึ่ง ระหว่างทางจะต้องปะทะกับศัตรูจำนวนมาก การยึดฐานจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของฝ่ายเรา และจะมีอีเวนต์พิเศษเกิดขึ้น เช่นเพื่อนร่วมทีมมาช่วยศึก หรือศัตรูใหม่ปรากฏตัว เกมจะนำเสนอการต่อสู้ในมุมมองบุคคลที่สาม (Third-Person) โดยกล้องจะอยู่ด้านหลังผู้เล่นในขณะเผชิญหน้ากับศัตรู แต่ละฉากจะมีเงื่อนไขในการชนะ หรือแพ้ที่แตกต่างกันไป เช่น การเอาชนะศัตรูสำคัญ หรือปกป้องผู้บัญชาการไม่ให้พ่ายแพ้ อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขการแพ้หลักๆ ยังคงเหมือนกัน เช่น การพ่ายแพ้ของแม่ทัพ การสูญเสียพลังชีวิตทั้งหมด หรือหมดเวลาที่กำหนด
พัฒนาการของเกมมุโซ
ในประวัติศาสตร์ของเกม เราจะพบกับแนวเกมมากมาย หลากหลาย ที่ตอบโจทย์ และตอบสนองทุกรสนิยมของผู้เล่น กำเนิดการให้คำนิยามแนวเกมใหม่ ๆ ยกตัวอย่างเช่น Souls-like หรือ Metroidvania เป็นต้น แนวเกม ‘มุโซ’ (Musou) ถือว่าเป็นแนวเกมที่พิเศษ และแตกต่างตรงทุกเกมในแนวนี้ มักจะถูกพัฒนาโดยทีม Omega Force เท่านั้น เป็นแนวเกมที่ถูกนิยามด้วยการต่อสู้ที่อลังการ มหึมา โดยมีศัตรูจำนวนมากในฉาก (ส่วนใหญ่ ภาพที่เราเห็นมักจะเป็นพื้นที่ในสงคราม) และตัวเอกมีจะมีสกิล ความสามารถที่ทำลายศัตรูหลาย ๆ ตัวพร้อมกันได้ สร้างความสะใจให้ผู้เล่น มีระบบฝ่ายภายในตัวเกม มีรูปแบบการเล่นที่ค่อนข้างตายตัว แต่ก็สนุก และที่สำคัญเล่นเพลิน เข้าถึงง่าย ผู้เล่นจะเริ่มต้นจากจุดหนึ่งในแผนที่ และต้องยึดฐานทัพศัตรูอีกฝั่งหนึ่ง ระหว่างทางจะต้องปะทะกับศัตรูจำนวนมาก การยึดฐานจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของฝ่ายเรา และจะมีอีเวนต์พิเศษเกิดขึ้น เช่นเพื่อนร่วมทีมมาช่วยศึก หรือศัตรูใหม่ปรากฏตัว เกมจะนำเสนอการต่อสู้ในมุมมองบุคคลที่สาม (Third-Person) โดยกล้องจะอยู่ด้านหลังผู้เล่นในขณะเผชิญหน้ากับศัตรู แต่ละฉากจะมีเงื่อนไขในการชนะ หรือแพ้ที่แตกต่างกันไป เช่น การเอาชนะศัตรูสำคัญ หรือปกป้องผู้บัญชาการไม่ให้พ่ายแพ้ อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขการแพ้หลักๆ ยังคงเหมือนกัน เช่น การพ่ายแพ้ของแม่ทัพ การสูญเสียพลังชีวิตทั้งหมด หรือหมดเวลาที่กำหนด
2000s ยุคสมัยของมุโซ
ยุคสมัยของ PlayStation 2 ที่หลายคนมักจะพูดว่า เป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของวงการเกม เพราะว่ามีเกมสนุก ๆ ออกมาให้เล่นเยอะมาก แถมตัวเครื่องก็ยังขายดีมาก ๆ อีกด้วย ในฝั่งของ Dynasty Warriors ก็ได้กำเนิดขึ้นในยุคของ PS2 นี่แหละครับ และได้รับความนิยมอย่างมากเช่นกัน ซึ่งหากเรามาวิเคราะห์กันดูว่า มันเพราะอะไรเราถึงได้เห็นคนเล่นแต่เกมมุโซกัน ในยุคนั้น ปัจจัยแรกอาจมาจากการเปลี่ยนแปลงแนวเกม ที่น่าตื่นเต้น ลองนึกดูครับว่าในภาคแรกที่ตัวเกมยังคงเป็นรูปแบบ Fighting ที่ช่วงนั้นก็มีหลายเกมที่เป็นแนวนี้ คนเล่นเกมก็คงอยากหาอะไรใหม่ ๆ ซึ่งการมาของแนวเกมฟันแหลก ที่ทำให้เราได้ต่อสู้กับศัตรูเยอะ ๆ ในสมรภูมิเดือด เกิดเป็นความสะใจ สนุก และตื่นเต้นไปพร้อม ๆ กัน ความเรียบง่ายในการเล่น เนื่องจากเกมเองก็ไม่ได้มีการควบคุมที่ซับซ้อน เป็นเกมที่เข้าถึงง่าย อีกหนึ่งความน่าสนใจของแฟรนไชส์ก็คือ การนำเสนอเรื่องราวจากยุคสามก๊ก เป็นประวัติศาสตร์ที่มีความลึกซึ้ง ตัวละครที่น่าสนใจ ทำให้ผู้เล่นที่สนใจประวัติศาสตร์หรือวรรณกรรมจีนรู้สึกเชื่อมโยง และดื่มด่ำกับเนื้อเรื่อง
จากประวัติศาสตร์ สู่โลกแฟนตาซี
ในปี 2001 หลังจากเกม Dynasty Warriors 3 เปิดตัว Omega Force ได้ลองพัฒนาเกมมุโซ ให้หลุดจากกรอบเดิมด้วยการสร้างเกมที่ไม่ได้อิงจากประวัติศาสตร์จีน เช่น Dynasty Warriors: Gundam ซึ่งใช้ธีมจากอนิเมะ Gundam แทนที่จะเป็นแม่ทัพจีนในประวัติศาสตร์ หลังจากนั้นไม่นานเกมมุโซ ครอสโอเวอร์กับซีรีส์ดังอื่นๆ ก็เกิดขึ้น เช่น One Piece, Fist of the North Star, Legend of Zelda, Arslan, Berserk และ Fire Emblem แม้ว่าเกมครอสโอเวอร์เหล่านี้จะประสบความสำเร็จในด้านยอดขาย แต่ก็ถูกวิจารณ์ว่าเป็นเพียงการนำเกมมุโซมาทำใหม่ในธีมที่แตกต่างกัน โดยไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเล่นอย่างมีนัยสำคัญ Omega Force เริ่มก้าวออกจากกรอบเดิมเมื่อไหร่? แม้ Omega Force จะเริ่มทดลองสร้างเกมมุโซในธีมใหม่ตั้งแต่ปี 2007 แต่กว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเล่นอย่างชัดเจนก็ในปี 2016 กับเกม Attack on Titan: Wings of Freedom แม้ว่าเกมนี้จะไม่ได้ใช้ชื่อ Warriors แต่ก็ยังคงมีองค์ประกอบของเกมมุโซ เช่น แผนที่ขนาดใหญ่ ระบบฝ่าย และตัวละครที่เล่นได้หลากหลาย อย่างไรก็ตาม เกมนี้แตกต่างจากเกมมุโซ ปกติตรงที่ไม่มีการต่อสู้กับศัตรูจำนวนมากในฉาก แต่เน้นไปที่การต่อสู้กับไททันตัวใหญ่แทน แนวเกม Musoulite อาจกลายเป็นอนาคตใหม่ของ Omega Force ด้วยรูปแบบการเล่นที่เข้าใจง่าย แต่ยังคงท้าทาย การพัฒนาในลักษณะนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับซีรีส์เกมอื่นๆ ได้ เช่น Final Fantasy หรือ Dragon Quest ตัวละครแต่ละตัวในเกมสามารถต่อสู้ได้ในรูปแบบที่แตกต่างกันตามสายอาชีพ เช่น นักรบ โจร หรือจอมเวท และแทนที่จะใช้ระบบการต่อสู้แบบเทิร์นเบส ตัวเกมจะเปลี่ยนเป็นการต่อสู้แบบมุโซแทน Omega Force ใช้เวลาหลายปีกว่าจะเริ่มพัฒนาแนวเกมมุโซ ให้หลุดจากกรอบเดิม และในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นความพยายามในการทดลองรูปแบบการเล่นใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นในซีรีส์หลัก หรือเกมครอสโอเวอร์ การพัฒนาแนวเกม Musoulite จึงน่าจับตามองว่าพวกเขาจะสามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้เล่นได้อีกมากแค่ไหนในอนาคต
การกลับมาของ Dynasty Warrior: Origins
คาดว่าทุกคนคงจะได้สัมผัสเกมล่าสุดของแฟรนไชส์กันแล้ว Dynasty Warrior: Origins ที่ผมเองได้มีโอกาสเล่น Demo ช่วงพฤศจิกายนในปีที่ผ่านมา ส่วนตัวผมมองว่าการปรับเปลี่ยนในภาคนี้ กำลังมาถูกทาง! ด้วยกระแสรีวิวในขณะนี้ที่ออกมา ‘ดี’ และดูเหมือนกำลังเป็นสัญญาณที่ดีต่อแฟรนไชส์ของ Dynasty Warriors ที่หายหน้าหายตาจากวงการเกมไปนานพอสมควร รายละเอียดเกี่ยวกับเกมภาคนี้ เราอาจจะไปพูดถึงในรีวิวอีกทีนะครับ เนื่องจากเราได้เล่นเดโม่แค่ 1 Map เท่านั้น เลยไม่สามารถพูดถึงระบบของเกมแบบภาพรวมได้
ใครที่ได้ลองเล่นแล้วเป็นไง มาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ